วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

กีฬาสี สาขาการศึกษาปฐมวัย

วันที่ 2  มีนาคม 2556

 
 
 
 


 




งานวิจัย

สรุปงานวิจัย
 
 
ชื่องานวิจัย  การพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมาวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
ผู้วิจัย  คมขวัญ  อ่อนบึงพร้าว
ความมุ่งหมายของการวิจัย           เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
ความสำคัญของการวิจัยการ         วิจัยครั้งนี้เป็นแนวทางของการใช้นวัตกรรม การเรียนการสอนด้วยกระบวนการวิธีของศิลปะรูปแบบต่างๆ มาประยุกต์เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยซึ่งผลการวิจัยเป็นแนวทางให้กับครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กได้พัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยและเกิดความหลากหลายในวิชาการศึกษาสำหรับครูมากขึ้น
สรุปผลการวิจัย                   ผลการวิจัยพบว่า  การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้ มีทักษะพื้นฐานทารงคณิตศาสตร์โดยรวมและจำแนกรายทักษะมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นและอยู่ในระดับดีเมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการทดลองมีคะแนนความสามรถทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

 

 

 

 

 

ทักษะคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย


การส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ให้แก่
เด็กปฐมวัยนั้นครูหรือผู้เกี่ยวข้องควรทราบว่ามีทักษะจำเป็นอะไรบ้างที่เด็กปฐมวัย
ควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียน
คณิตศาสตร์ของเด็กต่อไป ทักษะที่เด็กปฐมวัยควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนานั้น
อาจแบ่งเป็น ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ และทักษะพื้นฐานการคิดคำนวณ
ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัยมี 7 ทักษะ ได้แก่
1. ทักษะการสังเกต(Observation)
คือการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ โดยเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์โดย
ตรงกับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์อย่างมีจุประสงค์ เช่น การจะหาข้อมูลที่เป็น
รายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ โดยไม่ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไป
2. ทักษะการจำแนกประเภท(Classifying)
คือ ความสามารถในการแบ่งประเภทของสิ่งของ โดยหาเกณฑ์หรือ
สร้างเกณฑ์ในการแบ่งขึ้น ส่วนใหญ่เด็กจะใช้เกณฑ์ในการจำแนกอยู่ 3 อย่าง
คือ ความเหมือน ความแตกต่าง และความสัมพันธ์ร่วม ซึ่งแล้วแต่เด็กจะเลือกใช้
(ดังนั้นครุควรถามเมื่อจัดกิจกรรมทั้งนี้เพื่อให้ประเมินเด็กได้อย่างถูกต้อง)
ซึ่งเด็กปฐมวัยส่วนใหญ่จะเลือกใช้เกณฑ์ 2 อย่าง คือ ความเหมือน และความต่าง
เมื่อเด็กสามารถสร้างความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้ว
เด็กจึงจะจำแนกโดยใช้ความสัมพันธ์ร่วมได้
3. ทักษะการเปรียบเทียบ(Comparing)
คือ การที่เด็กต้องอาศัยความสัมพันธ์ของวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์
ตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไป บนพื้นฐานของคุณสมบัติที่มีลักษณะเฉพาะอย่าง เช่น
เด็กสามารถบอกได้ว่าลูกบอลลูกหนึ่งมีขนาดเล็กกว่าลูกอีกลูกหนึ่ง นั่นแสดง
ให้เห็นว่า เด็กเห็นความสัมพันธ์ของลูกบอล คือ เล็ก - ใหญ่ ความสำคัญใน
การเปรียบเทียบ คือ เด็กจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น ๆ
และรู้จักคำศัพท์คณิตศาสตร์ การเปรียบเทียบนับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเรียน
ในเรื่องการวัดและการจัดลำดับ
4. ทักษะการจัดลำดับ(Ordering)
คือ การส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการ
จัดลำดับวัตถุสิ่งของหรือเหตุการณ์ ซึ่งเป็นทักษะการเปรียบขั้นสูง เพราะจะต้องอาศัย
การเปรียบเทียบสิ่งของมากกว่าสองสิ่งหรือสองกลุ่ม การจัดลำดับในครั้งแรก ๆ
ของเด็กปฐมวัยจะเป็นไปในลักษณะการจัดกระทำกับสิ่งของสองสิ่ง เมื่อเกิดการพัฒนา
จนเกิความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วเด็กจึงจะสามารถจัดลำดับที่ยากยิ่งขึ้นได้
5. ทักษะการวัด(Measurement)
เมื่อเด็กมีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดประเภท การเปรียบเทียบ และ
การจัดลำดับมาแล้ว เด็กจะพัฒนาความสามารถเข้าสู่เรื่องการวัดได้ ความสามารถ
ในการวัดของเด็ก จะมีความสัมพันธ์กับความสามารถใสนการอนุรักษ์(ความคงที่)
เช่น เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับความยาวของเชือกได้ว่า เชือกจะมีความยาวเท่าเดิม
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนทิศทางหรือตำแหน่งก็ตาม
6. ทักษะการนับ(Counting)
แนวคิดเกี่ยวกับการนับจำนวน ได้แก่ การนับปากเปล่า บอกขนาดของ
กลุ่มที่มีขนาดเท่ากันโดยไม่ต้องนับ นับโดยใช้ลำดับที่นับจำนวนเพิ่มขึ้น นับเพื่อรู้
จำนวนที่มีอยู่ การจดตัวเลข การนับและเข้าใจความหมายของจำนวน การใช้สัญลักษณ์
แทนจำนวน ในเด็กปฐมวัยชอบการนับแบบท่องจำโดยไม่เข้าใจความหมาย การนับแบบ
ท่องจำนี้จะมีความหมายต่อเมื่อเชื่อมโยงกับจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การนับจำนวน
เพื่อนในห้องเรียน นับขนมที่อยู่ในมือ แต่การนับของเด็กอาจสับสนได้หากมีการจัดเรียง
สิ่งของเสียใหม่ เมื่อเด็กเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์(จำนวน)แล้วเด็กปฐมวัยจึงจะสามารถ
เข้าใจเรื่องการนับจำนวนอย่างมีความหมาย
7. ทักษะเกี่ยวกับเรื่องรูปทรงและขนาด(Sharp and Size)
เรื่องขนาดและรูปทรงจะเกิดขึ้นกับเด็กโดยง่าย ทั้งนี้เนื่องจากเด็กคุ้นเคย
จากการเล่น การจับต้องสิ่งของ ของเล่น หรือวัตถุรูปทรงต่าง ๆ อยู่เสมอในแต่ละวัน
เราจึงมักจะได้ยินเด็กพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรูปทรงหรือขนาดอยู่เสมอ ครูสามารถ
ทดสอบว่าเด็กรู้จักรูปทรงหรือไม่ได้โดยการให้เด็กหยิบ/เลือก สิ่งของตามคำบอก
เมื่อเด็กรูปจักรูปทรงพื้นฐานแล้วครูสามารถสอนให้เด็กรู้จักรูปทรงที่ยากขึ้นได้
ทักษะพื้นฐานในการคิดคำนวณ สำหรับเด็กปฐมวัยอาจแบ่งได้ 3 ทักษะ
1. ทักษะในการจัดหมู่
2. ทักษะในการรวมหมู่(การเพิ่ม)
3. ทักษะในการแยกหมู่(การลด)





สรุปมาตรฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย


 

บันทึกการเรียน


ครั้งที่ 16 วันที่ 19  กุมภาพันธ์ 2556

กิจกรรมการเรียนการสอน
1. เรื่องเสื้อสูท
2. การสอบนอกตาราง วันที่ 26 ก.พ. 2556
3. งานกีฬาสี - ปัจฉิม วันที่ 2 - 3 มี.ค. 2556
4. ศึกษาดูงานที่หนองคาย - ลาว วันที่ 6 - 8 มี.ค. 2556
5. มาตราฐาน สาระการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์
6. บล็อก
7. อาจารย์ให้นักศึกษาเขียนว่า ได้ความรู้อะไรบ้าง ได้ทักษะอะไรบ้างจากการเรียนวิชานี้ และวิธีการสอนในความเข้าใจของเราคืออะไร


 


 

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 15 วันที่ 12  กุมภาพันธ์ 2556
กิจกรรมการเรียนการสอน
        หน่วยเรื่อง อวัยวะภายนอก
วันที่ 1 
        เด็กๆค่ะอวัยวะภายนอกที่เด็กๆมองเห็นมีอะไรบ้างค่ะ
        เด็กยกมือตอบ เเล้วครูก็จดลงบนกระดาน ตามที่เด็กบอก
             
วันที่ 2
        พูดเรื่องลักษณะ รูปร่าง สี พื้นผิว ของอวัยวะ
        เสร็จเเล้วก็ร่วมกันสรุป

วันที่ 3
       -ร้องเพลง ตาเรามีไว้ดู
        ใช้คำถาม ตามีไว้ทำอะไรค่ะ    ดูอะไรได้บ้างค่ะ
         หูเรามีไว้ทำอะไรค่ะ  ฟังอะไรได้บ้างค่ะ   บอกครูสิค่ะว่า จมูกมีไว้ทำอะไรค่ะ ปากละค่ะ
        (ทำเป็นเเมป)
        ไหนบอกครูสิค่ะว่า อวัยวะของเรามีหน้าที่อะไรกันบ้าง
         -สรุป อวัยวะของเรามีหน้าที่เเตกต่างกัน

วันที่ 4
         ประโยชน์ของอวัยวะ (ผลที่จะได้รับ)
          เพื่อนเล่านิทาน เเละก็มาสรุปว่า จมูกดมกลิ่น รู้ว่ากลิ่นหอม (เเยกเเยะกลิ่นได้)
          ถือของ หอบสิ่งของ  สามารถที่จะประกอบอาหารได้

วันที่ 5
          รักษาความสะอาดของอัวยวะภาพนอก (มีภาพ)
          ตา--ผงเข้าตา  ผงเข้าตาให้รีบบอกพ่อ เเม่ เด็กๆทายสิ พ่อ เเม่  จะทำอย่างไร

          
           -สรุปตอนท้ายร่วมกับเด็กๆ


วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 14 วันที่ 5  กุมภาพันธ์ 2556
กิจกรรมการเรียนการสอน

กลุ่มที่4 สอนหน่วยเรื่อง กระดุม
             วันที่ 1  ชนิดของกระดุม  ( มิ้งค์ )
  นำเข้าสู่บทเรียนโดย1.  ครูร้องเพลง   
    หลับตาเสีย    อ่อนเพลียทั้งวัน
นอนหลับเเล้วฝัน   เห็นเทวดา
มาร่ายมารำ            งามขำโสภา
พอตื่นขึ้นมา           เทวดาไม่มี
                 2.ครูเเจกภาพที่เป็นจิกซอ รูปกระดุม ให้เด็กเป็นบางคน
             3. .ให้เด็กนำภาพที่ได้มาต่อหรือวางให้เกิดเป็นภาพที่สมบูรณ์
            4. เด็กๆบอกคุณครูซิค่ะว่า เป็นภาพอะไร
ชนิดของกระดุม
           กระดุมที่เด็กๆรู้จักมีอะไรบ้างค่ะ เด็กบอกเเละครูก็เขียนตามที่เด็กบอกไว้บนกระดาน
เด็กๆอยากทราบไหมค่ะว่าในขวดนี้มีกระดุมทั้งหมดกี่เม็ด
(อยู่ในการคาดคะเน คือการวัดเเบบไม่เป็นทางการ)
            - ครูนับกระดุมในขวด
                1 2  3 4 5 6 7 
น้องปลาบอกว่ามี7 เม็ด เพื่อนๆปรบมือให้น้องปลาด้วยค่ะ
ไหนใครจะมาช่วยคุณครูหยิบเลขมากำกับไว้ค่ะ
            -ครูมีกระดุมมา ซึ่งประกอบด้วยกระดุมที่มี4รู เเละ 1 รู
เด็กเเยกกระดุมที่มี 1 รู  ออก ได้ 4 เม็ด เเละกระดุมที่มีมากกว่า 1 รู มี3เม็ด

               วันที่ 2 ลักษณะของกระดุม  ( ดิว )
                 กระดุมโลหะ กับ กระดุมอโลหะ จะรู้ได้อย่างไรจะต้องใช้เเม่เหล็กมาดูดเพื่อแยกกระดุม
                  วาดตารางสัมพันธ์
                 
               วันที่ 3 ประโยชน์ของกระดุม  ( มิ้น )
                 อาจารย์ให้ไปแต่งนิทานเกี่ยวกับกระดุมที่สามารถนำมาเชี่อมโยงและสอดแทรกกับคณิตศาสตร์

                วันที่ 4  วิธีการเก็บรักษากระดุม  ( น้ำหวาน )
                 เก็บใส่กล่อง , กระปุก
                 1.เด็ก ๆ บอกครูสิค่ะว่าจะไปหาซื้อกระดุมได้ที่ไหน ?
                 2.เด็ก ๆ รู้ไหมค่ะว่ากระดุมสามารถทำให้เกิดอาชีพใดบ้าง ?
                 3.เด็ก ๆ รู้ไหมค่ะว่าจะต้องเก็บรักษากระดุมได้อย่างไรบ้าง ?
                 
                 วันที่ 5 ข้อควรระวังของกระดุม ( ฝ้าย )
                 **ไม่ได้เข้าเรียน

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 13 วันที่ 29  มกราคม 2556
กิจกรรมการเรียนการสอน
  • อาจารย์ได้ให้นักศึกษา เข้าเรียนพร้อมกันทั้ง 2 เซกพร้อมกัน เพื่อเข้ามาพูดคุยสนทนาเกี่ยวกับเรื่องการทำกิจกรรม และแบ่งภาระหน้าที่ให้แต่ละคน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
       1.การแสดงการรำ - สว่างจิต  ( แพทตี้ )
       2.การแสดงร้องเพลง - รัตติยา ( จูน )
       3.การแสดงโฆษณา - นิศาชล ( โบว์ ) , ละไม ( เปิ้ล )
       4.พิธีกร - ลูกหยี , ซาร่า
       5.การแสดงโชว์
               - ลิปซิ่งเพลง - จุฑามาส , นีรชา
               - เต้นประกอบเพลง - พลอยปภัส , เกตุวดี , มาลินี
               - ละครใบ้ - ลูกหมี , จันทร์สุดา
               - ตลก - ณัฐชา , แตง , ชวนชม
        6.ผู้กำกับหน้าม้า - พวงทอง , นฎา
        7.หน้าม้า - เพื่อน ๆ ที่เหลือจะต้องเป็นหน้าม้า

  • อาจารย์ให้ทุกคนช่วยกันสรุปกิจกรรมในวันนี้ว่าสามารถนำไปเชื่อมโยงกับคณิตศาสตร์ได้อย่างไร สามารถสรุป ได้ดังนี้
                         1.การนับ
                         2.การลำดับเหตุการณ์
                         3.การทำตามแบบ
                         4.การบวก

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 12 วันที่ 22  มกราคม 2556
กิจกรรมการเรียนการสอน
  •    อาจารย์พูดเรื่องการอ่านงานวิจัย และให้นักศึกษาไปอ่านและทำความเข้าใจงานวิจัยที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยมาอย่างละเอียด
  •    อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกไปสอบสอน โดยสอนทีละคนคนละวันตามที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งอาจารย์ได้ให้คำแนะนำการสอนที่ถูกต้อง กลุ่มที่ได้ออกไปสอบสอนวันนี้มี 3 กลุ่ม ได้แก่
   1.กลุ่ม ขนมไทย


  2.กลุ่ม ข้าว

   
 3.กลุ่ม กล้วย
         

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 11 วันที่ 15  มกราคม 2556

กิจกรรมการเรียนการสอน
  • อาจารย์ให้ออกไปสอบสอนเป็นรายกลุ่ม  แต่เพื่อนสอบได้กลุ่มเดียวเพราะอาจารย์ต้องเข้าประชุม

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 10 วันที่ 8 มกราคม 2556

กิจกรรมการเรียนการสอน
สาระ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดคณิตศาสตร์ปฐมวัย : สสวท.
 สาระที่ 1 : จำนวนและการดำเนินการ
                 คือ เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจำนวนและการใช้จำนวนในชิวิตประจำวัน
สาระที่ 2 : การวัด
                 คือ เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัดความยาว น้ำหนัก ปริมาณ เงิน เวลา
สาระที่ 3 : เรขาคณิต
                 คือ รู้จักใช้คำในการบอกทิศทาง ตำแหน่ง และระยะทาง
                 รู้จัก จำแนกรูปเรขาคณิต และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงรูปเรขาคณิตที่เกิดจากการกระทำ
สาระที่ 4 : พีชคณิต
                 คือ เข้าใจรูปแบบและความสัมพันธ์
สาระที่ 5 : การวิเคาระห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น
                 คือ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับตนเองและสิ่งแวดล้อม และนำเสนอ
สาระที่ 6 : ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์


             หมายเหตุ -  ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ได้แก่ การแก้ปัญหา การใช้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อสารทางคณิตศาสตร์และการนำเสนอ การเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น ๆ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

           มาตรฐาน
 คือ สิ่งที่ทุกคนยอมรับ
       
    เกณฑ์ คือ  ตัวชีวัดที่เป็นตัวเลข และเป็นที่ยอมรับ และมีคุณภาพ


บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 9 วันที่ 1 มกราคม 2556
  • หมายเหตุ 
 ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นวันหยุด เทศกาลปีใหม่

บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 8วันที่ 25 ธันวาคม 2555
  • หมายเหตุ 
ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นสัปดาห์ของการสอบกลางภาค

บันทึกการเรียน


ครั้งที่ 7 วันที่ 18 ธันวาคม 2555
  •   หมายเหตุ
ไม่มีการเรียนการสอน แต่อาจารย์ให้เคลียร์งานจากที่สั่งในอาทิตย์ที่ผ่านมาให้เสร็จเรียบร้อย คือการ ทำดอกไม้แกนกระดาษทิชชู



บันทึกการเรียน

ครั้งที่ 6 วันที่ 11 ธันวาคม 2555

กิจกรรมการเรียนการสอน
  •  อาจารย์ให้ส่งงานแผนการสอนที่ส่งงานไว้จากอาทิตย์ก่อนหน้า
  •  สั่งงานวิจัยที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์
  • อาจารย์ให้ นศ. นำกล่องขึ้นมา แล้วตอบคำถาม
         * เมื่อเห็นกล่องจะนึกถึงอะไร
         * เมื่อเห็นกล่องแล้วจะทำเป็นอะไร
         * เมื่อเห็นกล่องแล้วจะทำอย่างไร ( สามารถเชื่อมโยงได้อย่างไร )

  • อาจารย์ให้ นศ. จับกลุ่มละ 10 คน แล้วให้นำกล่องที่นำมาช่วยกันต่อให้เป็นรูปร่างอะไรก็ได้โดยห้ามวางแผนหรือพูดคุยกันล่วงหน้า และอาจารย์จะถามกล่องของแต่ละคนว่าที่ได้วางกล่องใบไหนต่อจากเพื่อนแล้วคิดว่าจะต่อเป็นรูปอะไร
         จากนั้นอาจารย์ก็ให้เอากล่องมารวมกันอีกครั้งแล้วให้มีการวางแผนกันล่วงหน้าว่าจะต่อกล่องทั้งหมดภายในกลุ่มให้เป็นรูปอะไร โดยกลุ่มของดิฉันสามารุต่อกล่องออกมาได้เป็นรูป "ช้าง"
     - อาจารย์ให้ นศ. ทั้งหมดในห้องเรียนช่วยกันนำผลงานของแต่ละกลุ่มที่ทำ มาวางรวมกันให้เป็นอะไรก็ได้ตามความคิดสร้างสรรค์

               ดังนั้น  การสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ควรสอนเด็กก่อนอายุ 6 ขวบ เนื่องจากวัยก่อนนี้จะเป็นวัยที่เก็บเกี่ยวความรู้ สามารถรับรู้ และซึมซับได้ด้วยตนเองมากกว่าหลังอายุ 6 ขวบ เนื่องจากหลังจากนี้เด็กจะขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจจะทำอะไรด้วยคัวเอง มักชอบเลียนแบบผู้อื่น วิธีการเรียนรู้ที่ดีเด็กจะต้องได้เรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5  หู   ตา  จมูก  ลิ้น และกายสัมผัส